การแพทย์ทางเลือก (บทความจากหนังสือ Be Well นิตยสารการแพทย์ทางเลือกเพื่อคนยุคใหม่ No. 14 Vol.2 พฤษจิกายน 2549)

         หนทางพิสูจน์ม้า...กาลเวลาพิสูจน์คน สัจธรรมที่เราได้ยินอยู่เนืองๆ แต่กว่าจะพิสูจน์ได้นั้นองค์ประกอบมากมายจะเป็นแรงผลักดัน และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้คนคนหนึ่งประสบความสำเร็จได้ ดังเช่น หมอศุภโชค เจริญศรีศิลป์ หรือ หมอหยาง เจ้าของ คลินิกท่าดินแดงการแพทย์แผนไทยจีน ได้พิสูจน์ตนเองด้วยความตั้งใจจริงในการศึกษาหาความรู้ และความมุ่งมั่นที่จะรักษาผู้คนมากกว่าการสะสมเงินตรา จนชื่อเสียงด้านการบำบัดฟื้นฟูเลื่องลือไกล ผู้ป่วยจึงหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย

         “เรียนกับพ่อบุญธรรมที่ซัวเถา 7 ปี 10 เดือน ไปๆมาๆระหว่าง จีน...ฮ่องกง...ไทย ศึกษาหาประสบการณ์เรื่องยา ระหว่างนั้นก็ต้องฝึกฝนเรื่องยาจีนตลอด 3 ปี ต้องฝึกฝนและศึกษาภาษาจีนเพิ่มเติม ช่วงที่เรียนก็ต้องเป็นหมอนวด... แต่เมื่อ 20 ปีก่อนนะ เขามองว่าเป็นอาชีพที่ต่ำต้อย อยู่ดีๆทำไมต้องมานวดให้คนอื่น” หมอศุภโชค เจริญศรีศิลป์ บอกถึงที่มาที่ไปก่อนที่จะมาเป็น “หมอหยาง” สืบทอดความรู้ด้านศาสตร์การแพทย์แผนจีนจากพ่อบุญธรรม ระหว่างที่เรียนก็เกิดความท้อเพราะเหนื่อยแทบขาดใจ แต่ด้วยประโยคทองของพ่อที่บอกว่า “พระดังไม่จำเป็นต้องใหญ่” ปรัชญาสั้นๆแต่มีความหมายลึกซึ้งจึงเป็นแรงกระตุ้นให้มุ่งมั่นต่อไป

         หลังจากเรียนแพทย์แผนจีนจบหมอศุภโชคก็เริ่มงานการบำบัดฟื้นฟูตามที่ตนมีความเชี่ยวชาญ คือรักษาโรคด้วยวิธี ทุยหนา หรือการนวดกดจุดแบบจีน ซึ่งเป็นการกดเฉพาะจุดหรือใช้การขยับร่างกายเพียงบางส่วนโดยใช้แรงอย่างสม่ำเสมอ นุ่มลึก และประสานด้วยพลังจากภายใน การนวดแบบทุยหนามีหลายวิธีด้วยกัน คือ การ ผลัก การกด การคลึง การบีบ การทุบตี การเหนี่ยว และการสั่น เป็นต้น ทุยหนาจะเข้าไปช่วยปรับสมดุลและเสริมสมรรถนะให้กับอวัยวะภายในร่างกาย ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น ระบบเส้นและโลหิตทำงานอย่างเป็นปกติ และยังช่วยปรับกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อต่างๆให้มีความแข็งแรง


         ชื่อเสียงของหมอศุภโชคในด้านการวินิจฉัยโรคที่แม่นยำและความเชี่ยวชาญในการบำบัดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยวิธีทุยหนาเริ่มเป็นที่เลื่องลือขึ้นเรื่อยๆ ผู้ป่วยบางคนที่เข้ามาคลินิกในสภาพเดินไม่ได้ ก็สามารถเดินกลับไปได้เองแม้เพียงแค่ครั้งแรกในการรักษา จึงมีผู้คนอีกมากมายที่เจ็บไข้ได้ป่วยมาให้หมอหนุ่มท่านนี้ช่วยเหลือ ในวันที่เราได้สัมภาษณ์หมอศุภโชค มีคนไข้รายหนึ่งซึ่งมีอาการกระดูกทับเส้นประสาท ทำให้ขาทั้งสองข้างไม่มีแรง ยืนไม่ได้ เขาได้รับการบำบัดแบบองค์รวม คือทั้งวิธีทุยหนา ฝังเข็ม และนวดกดจุดสะท้อนเท้า ซึ่งหลังจากการรักษาบำบัด อาการของคนไข้ท่านนั้นก็ดีขึ้น สีหน้าที่เศร้าซึมหม่นหมองด้วยหมดหวังว่าจะเดินได้อีกครั้ง กลับกลายเป็นใบหน้าแห่งความหวัง แม้ว่าหลังการบำบัดจะยังไม่สามารถเดินได้ในทันที แต่เขาเริ่มรู้สึกถึงการฟื้นตัวของกำลังภายในร่างกาย

         “ก่อนหน้านี้ผมเคยมาหาหมอหยางเพราะโรคปวดหลังอยู่แล้ว...แต่พอดีวันหนึ่งผมไปยกของแล้วเอี้ยวตัวผิดท่า ขาก็หมดแรงขึ้นมาทันที เข้าโรงพยาบาลก็เดินไม่ได้ หมอบอกกระดูกทับเส้นประสาท ให้นอนเฉยๆ และกินยาไปเรื่อยๆ เราเห็นท่าไม่ดีแน่ ก็ร้องว่ายังไงก็ต้องออก เพราะอยากมาหาหมอหยาง”

         หลังจากเปิดร้านแห่งแรกได้ระยะหนึ่ง สถานที่ก็ไม่สามารถรองรับผู้เข้ามารับการบำบัดได้เพียงพอ หมอศุภโชคจึงย้ายจากที่เดิมที่อยู่ปากซอยท่าดินแดง 7 มาเป็นที่ปัจจุบันคือห้องแถว 2 คูหา ในซอยท่าดินแดง 7 เช่นเดิม เพียงเดินไปสุดซอยแล้วเลี้ยวซ้ายเล็กน้อย ก็จะพบกับคลินิกทางขวามือ ซึ่งที่นี่ได้รับการตกแต่งและจัดวางห้องเป็นอย่างดีมีมาตราฐานในการรักษาและเน้นความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า จุดนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญทีเดียวสำหรับผู้ที่ต้องการจะเปิดคลินิกของตนเอง ผลลัพท์ที่ออกมาจึงเห็นได้ชัด เพราะผู้มาใช้บริการติดใจในคุณภาพบริการของคลินิคท่าดินแดงแพทย์แผนไทย-จีนก็มีตั้งแต่ระดับรัฐมนตรีจนถึงคนหาเช้ากินค่ำ

         เรื่องของความรู้และความสามารถของบุคลากรนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่หมอศุภโชคเน้นเป็นที่สุดเพราะผู้ที่เข้ามารับบริการหลายคนเป็นผู้ที่มีอาการป่วย หนักบ้างเบาบ้าง แต่ทุกคนล้วนต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์ที่ประสบอยู่ บุคลากรทุกคนของคลินิกจึงต้องผ่านการคัดเลือกจากหมอศุภโชคเองเพื่อมั่นใจได้ว่าผู้ที่เข้ามาจะได้รับบริการที่ดีที่สุด และเป็นการโฆษณาในตัว เพราะเขาเหล่านั้นย่อมจะบอกต่อๆกันไป “อย่างหมอนวดเท้า ส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์อาจารย์ไกรสิงห์ รุ่งโรจน์สกุลพร กับอาจารย์ฉี (สถาบันเยียกเจี๊ยะ) เราก็ต้องมาคัดอีกที เรียนในคราสไม่พอ ต้องผ่านประสบการณ์มาร้อยเท้า...ความชำนาญก่อให้เกิดเทคนิค”

         นอกเหนือจากการบำบัดด้วยวิธีทุยหนาและนวดกดจุดสะท้อนเท้าแล้ว ที่คลินิกก็ยังมีศาสตร์การบำบัดอื่นๆอีกเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการรักษาแบบองค์รวม รวมถึงการรักษาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งจะส่งผลให้การบำบัดมีประสิทธิภาพสูง อาทิ การนวดทุยหนาแก้ไขกายวิภาค Anatomyฝังเข็มทะลวงเส้นลมปราณ แมะ จับชีพจร ตรวจสุขภาพภายในสู่ภายนอก ยาจีนเพื่อปรับสมดุลย์ภายใน ครอบแก้วและกวาซา นวดหน้า กดจุดแบบจีน เทียนหูหรือสปาหู นวดตัวตามหลักเส้นประธานสิบเส้นและกดท้องเก้าจุด นวดน้ำมันอโรมา ซึ่งหมอศุภโชครับประกันในคุณภาพของบุคลากรในคลินิกทุกคน

         หมอศุภโชค เน้นเรื่องสมดุลแห่งหยินหยาง ทั้งในเชิงการรักษาดูแลสุขภาพ และความสมดุลในชีวิตการทำงาน “ที่นี่ทำงานเหมือนกับออฟฟิศ เข้าเก้าโมง เลิกห้าโมงเย็น หากยังมีลูกค้าก็ไม่เกินทุ่ม เงินสำคัญ แต่ไม่ได้สำคัญเป็นอันดับหนึ่ง สุขภาพต้องมาอันดับแรก มนุษย์สัมพันธ์สอง เงินทองสาม... กลางวันคือทำงาน กลางคืนต้องนอน ธรรมชาติมีระเบียบของมันเอง ถ้าสมดุลแห่งหยินหยางเสีย ร่างกายเราก็แย่”